ดิไอคอนกรุ๊ป : พบเส้นเงินผิดปกติ 8,200 ล้าน ถูกโอนออกไป ก่อนโค้ชแล็ปถูกจับ

‘เอกภพ สายไหม’ แฉ พบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่าราว  8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่โค้ชแล็ป ดิไอคอนกรุ๊ป จะถูกจับกุมเพียง 1 ชั่วโมง

วันที่ 18 ตุลาคม 2567 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อ “เอกภพ สายไหม” โดยระบุข้อความว่า “พบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่ “โค้ชแล็ป” ดิไอคอน จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง” พร้อมตารางรายละเอียดข้อมูลการโอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2567 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นบริษัทเครือข่ายของ ดิไอคอนกรุ๊ป มี โค๊ชแล็ป เป็นเจ้าของ ซึ่งบริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ภายในซอยรังสิต-นครนายก 34/1 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จากการตรวจค้นพบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายเครื่อง แต่ไม่พบผู้ดูแล

วันเดียวกัน( 17 ต.ค. 67)ศาลอาญาได้อนุมัติให้คณะพนักงานสืบสวน เข้าตรวจค้นอาคารแห่งหนึ่ง บริเวณถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ซึ่งทางการสืบสวนพบว่าเป็นสถานที่ให้เช่าพื้นที่เพื่อรับฝากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (server) ของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และอาคารพาณิชย์ บริเวณถนนประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

ซึ่งทางการสืบสวนทราบว่าเป็นสถานที่ทำงานของโปรแกรมเมอร์ให้กับเว็บไซต์ของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งอาจมีพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน โดยมีการสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานประเภทดังกล่าว

โดยมี ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจโท อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และพันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ควบคุมการปฏิบัติงาน

ผลการตรวจค้นทั้งสองจุดพบเอกสารสำคัญ รวมทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เก็บข้อมูล รวม 26 รายการ รวมทั้งสามารถทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในระบบของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ได้

เบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แจ้งว่ามีข้อมูลจำนวนมาก อาจรวมถึงรายชื่อของสมาชิกของบริษัทดังกล่าวกว่า 300,000 รายชื่อ ทั้งนี้จะได้ส่งมอบวัตถุพยานดังกล่าวให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจวิเคราะห์และออกรายงานผลการวิเคราะห์ต่อไป